นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2005 เมื่อลีโอเนล เมสซี่ ไม่มีชื่อปรากฏอยู่ใน 30 ผู้เล่นชิงรางวัลบัลลงดอร์ นับตั้งแต่เขาย้ายออกจากบาร์เซโลน่ามาปารีสแซงแชร์งแมงเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณแห่งการเปลี่ยนผ่านในโลกฟุตบอลอย่างแท้จริง เมื่อสตาร์ฝีเท้าเบอร์ต้นของโลกชาวอาร์เจนติน่าไม่มีชื่อในรางวัลดังกล่าว อย่างไรก็ตามคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ คู่แข่งตลอดกาลของเมสซี่ยังคงมีชื่อ 1 ใน 30 ลุ้นรางวัลดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ลีโอเนล เมสซี่ คือนักฟุตบอลเพียงไม่กี่คนบนโลกที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลบัลงดอร์นับตั้งแต่ปี 2005 ขณะเดียวกันนับตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปี 2021 เมสซี่มีชื่อติด 3 คนสุดท้ายรางวัลดังกล่าวแบบติดต่อกัน ยกเว้นปี 2018 ปัจจุบันเพลย์เมเกอร์วัย 35 ปี ไม่มีชื่อลุ้นรางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งแรก หลังจากเมสซี่ย้ายออกจากบาร์เซโลน่ามายังเมืองหลวงประเทศฝรั่งเศส
เมสซี่กับปารีส แซง แชร์งแมงยังคงมีปัญหาในการปรับตัว ไม่สามารถพาสโมสรปารีสฯไปถึงฝั่งฝันนั่นคือแชมป์รายการแชมป์เปี้ยนลีกด้วยน้ำมือเรอัลมาดริด รอบ 16 ทีมสุดท้าย และนั่นส่งผลให้เขาไม่มีชื่อในรางกายดังกล่าว โดยตัวชี้วัดสำคัญคือผลงานส่วนตัวของผู้เล่นแต่ละคนในฤดูกาลที่ผ่านมา
ผลงานของเมสซี่กับปารีสฯ ยิงได้เพียง 11 ประตู กับผลงานที่ดูต่ำกว่ามาตรฐานแบบผิดหูผิดตา และนั่นส่งผลให้คืนวันที่ 17 ตุลาคม ณ กรุงปารีสฯ จะไม่มีเพลย์เมเกอร์วัย 34 ปี ปรากฏตัวอยู่ในงานครั้งแรกในรอบ 17 ปี ด้านสตาร์ดังเพื่อนร่วมทีมอย่างเนย์กลับมีชื่อติดโพลดังกล่าวอย่างน่าประหลาดใจ เพราะสตาร์ชาวบราซิลเลี่ยนทำได้เพียง 13 ประตูจาก 28 เกมลีก ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ
สำหรับตัวเต็งซิวแชมป์ลูกบอลทองคำปี 2022 คาริม เบนเซม่า กองหน้าชาวฝรั่งเศสกับผลงานแชมป์บิ๊กเอียร์สมัยที่ 14 กับเรอัลมาดริด โดยเบนเซม่ากดไป 15 ประตูรายการเกมยุโรป หรือ 44 ประตูจาก 46 เกมรวมทุกรายการ หากกองหน้ามาดริดคว้ารางวัลบัลงดอร์นั่นจะส่งผลให้เขากลายเป็นผู้เล่นฝรั่งเศสต่อจากซีเนอดีน ซีดาน ปี 1998 ทีเด็ดฟุตบอลบนมือถือ
ขณะเดียวกันเบนเซม่าเพิ่งกดประตูที่ 324 ให้กับตัวเองในวัย 34 ปี เอาชนะไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 2-0 คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนซูเปอร์คัพไปครอง จากประตูดังกล่าวส่งผลให้เบนเซม่าทำประตูรวมแซงราอูล กอนซาเลซได้สำเร็จ แต่กองหน้าวัย 34 ปียังเป็นรองคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ 450 ประตู”ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคาริมถึงมีมีชื่อลุ้นรางวัลบัลงดอร์” คาร์โล อันเชล็อตติ กล่าว